ร้อยรวงใจ ..... ธัญรัตน์ test
   

          นับตั้งแต่ได้ดูละครเกาหลีเรื่อง Full House แล้วก็ประทับใจ เพราะเป็นละครที่ทำออกมาได้ดีมาก และดังมาก โดยไม่ต้องมีตัวอิจฉาตบตีกันเหมือนละคนบ้านเราเลย และต่อมาก็ได้ดูละครเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่นางเอกต้องไปทำไร่องุ่นกับตาและได้พบพระเอกอยู่ตรงไร่นั้น

           จึงเกิดแรงบันดาลใจให้อยากเขียนนิยายในลักษณะนี้ขึ้นมาสักเรื่อง นั่งคิดอยู่นานมากว่าจะเอาอาชีพอะไรจึงจะเหมาะกับคนไทย คิดไปคิดมาก็เลยมาลงที่การปลูกข้าว ซึ่งเป็นหัวใจหลักของประเทศไทยเลย “ร้อยรวงใจ” จึงถูกสรรสร้างขึ้นมาในที่สุด และด้วยความที่ตัวเองเป็นคนอีสาน ได้มีโอกาสสัมผัสกับชีวิตชาวนามาบ้าง แม้ไม่นานแต่ก็ชื่นชอบมากกับการดำรงชีวิตแบบนั้น แถมขนบธรรมเนียมประเพณีหลายๆ อย่างทางภาคอีสานก็มีเสน่ห์ชวนให้คิดถึงไม่วาย จนธัญญรัตน์อยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กๆ แบบนั้นอีกสักครั้งเลยทีเดียว

           “ร้อยรวงใจ” จึงเป็นนิยายที่ธัญญรัตน์ดึงเอาวิธีการทำนาตั้งแต่เริ่มต้นเตรียมดิน ไปจนกระทั่งได้เม็ดข้าวออกมาเลย และยังสอดแทรกประเพณีงานบุญต่างๆ ตั้งแต่ บุญเดือนอ้าย ถึงเดือนสิบสองเข้าไปไว้ได้กัน บวกกับดึงเอาวิถีชีวิตของคนชนบทว่ากินอยู่อย่างไรรวมอยู่ด้วย ผ่านตัวละคร ภรัณญา หรือน้องข้าว กับ เขมินทร์ หรือน้าน้ำ ให้เดินเรื่องไปอย่างสนุกสนานตั้งแต่ต้นเรื่องจนกระทั่งจบ

            ธัญญรัตน์ ปรารถนาอย่างยิ่งว่า “ร้อยรวยใจ” จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ให้หนุ่มสาวที่หนีท้องทุ่งนาเข้ามาสู่เมือง ได้กลับไปขบคิด และผันตัวเองกลับไปหาวิถีชีวิตแบบนั้นอีกครั้ง แวะมาพูดคุยและทักทายต้นข้าวที่เฟซบุ๊คส่วนตัวได้นะคะ ที่นี่ค่ะ  https://www.facebook.com/pages/กันเกรา-ธัญญรัตน์-วรนัน-นักเขียน/481946688543438?ref=hl            

ไฟรักกับดักร้อน...... ธัญรัตน์

          ความแค้นฝังใจ ผลักดันให้ 'ประณาลี' นางรำสาวผู้งดงามราวพญาหงส์ ต้องกลายเป็นแม่เสือสาวร้อนรัก พร้อมขย้ำทำลายหัวใจ 'คณิน' นักธุรกิจหนุ่มคาสโนวาให้ย่อยยับ ด้วยกับดักเสน่หาที่วางล่อไว้ ทว่าไฟแค้นกลับแปรเป็นไฟรักเผาท่วมใจ เมื่อทายาทศัตรูตัวฉกาจอย่าง 'เขา' ก็หมายจะพิชิตตัวและหัวใจ 'เธอ'

          "คุณคณิน กรุณาให้เกียรติฉันด้วยนะคะ อย่าคิดว่าเงินของคุณจะซื้อได้ทุกอย่าง มันอาจจะซื้อผู้หญิงทั้งเมืองได้ แต่ไม่ใช่ฉัน"

          "แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ ความรักงั้นเหรอ อย่าพูดให้ผมอยากหัวเราะหน่อยเลย ผู้หญิงที่บูชาความรักมันก็มีแต่ในนิยายเท่านั้นล่ะ สมัยนี้น่ะ ต่อให้แก่คราวพ่อ มีเงินให้หน่อย ขี้คร้านจะเอาตัวมาประเคนให้ถึงเตียง จะไปไหน! เมื่อคืนผมอุตส่าห์ละเว้นคุณ แต่คุณกลับตอบแทนผมด้วยการนั่งยั่วไอ้ฝรั่งนั่น คืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดเลย"

          "ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย"

          "ปล่อยเหรอ ได้ ผมจะปล่อย แต่ไม่ใช่คืนนี้นะ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธนายคณิน จำเอาไว้ด้วย"

           ประณาลีไม่แน่ใจนัก ว่าการมาของเขาในครั้งนี้จะดีหรือร้าย แต่ถ้าให้เดาจากสีหน้าแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรีบหันไปหาปืน ที่เพิ่งจะวางไว้ก่อนหน้านี้ แต่จำไม่ได้ว่าวางไว้ตรงไหน คณินรีบวิ่งไปคว้าแขนเล็กๆ เอาไว้ได้ทัน แววตาเขาในตอนนี้ประณาลีแน่ใจว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน

           “ผิดหวังมากเหรอที่เป็นผม แทนที่จะเป็นไอ้เด็กหนุ่มคนนั้น”

           “ปล่อยนะ ฉันเจ็บบอกให้ปล่อย” พยายามสลัดแขนให้หลุดจากมือใหญ่ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเขาออกแรงบีบให้แน่นกว่าเดิม

           “ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ทำไมประณาลี พี่เขยผมกับไอ้เด็กนั่นมันดีกว่าผมตรงไหน คุณถึงได้เปิดประตูรับมันด้วยความเต็มใจ แต่กับผมคุณกลับผลักไสไล่ส่ง นี่คงจะอิ่มหนำเสียเต็มรักละมั้งถึงได้ปล่อยมันไป” มองร่างที่เดาได้ว่าหญิงสาวเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยิ่งทำให้ใจจิตนาการว่าเธอเพิ่งจะทำอะไรมา

            “ปล่อยฉันนะ แล้วออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” พยายามจะสลัดแขนให้หลุดแต่ก็ยังไม่

            “ผมไม่อยากจะเอามือมาแปดเปื้อน กับผู้หญิงมากชายอย่างคุณหรอก เพราะผู้หญิงอย่างคุณไม่มีค่าสำหรับผมแม้แต่นิดเดียว เสียดายที่ผมมันโง่ มันตาบอด ผมน่าจะเชื่อพี่ณิ พี่ผมพูดจริงทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างคุณมันก็พวกหิวเงิน มักมาก มีผู้ชายทีเดียวถึงสองคน ผมขยะแขยงคนอย่างคุณเต็มที

            เพี๊ย! เมื่อสบัดมือออกได้ก็ตบเต็มแรงไปที่ใบหน้าคม ด้วยความโกรธกับคำพูดที่ดูถูก และเหยียดหยามเป็นที่สุด ความโกรธที่มีในใจชายหนุ่มยิ่งทวีขึ้นเป็นสิบเท่า

            “ออกไปให้พ้นจากห้องฉัน แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก ฉันเกลียดคุณ” น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่หากร้าวรานในส่วนลึก

            “ผมไปแน่ แต่ก่อนไปผมอยากจะฝากรสรักให้คุณเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย เผื่อจะลืมไอ้สองคนนั่นแล้วกลับมาหาผมไง คุณไม่รู้เหรอว่าผมลีลาเด็ดแค่ไหน ขนาดโรสยังปล่อยผมไม่ลงเล้ย มานี่” สิ้นสุดคำพูด มือสองข้างก็ลากเอาร่างบางไปเหวี่ยงลงไปที่เตียง และตามลงไปประกบในทันที

            “ออกไปให้พ้นฉันเกลียดคุณ ออกไป วีช่วยพี่ด้วย วีๆ ช่วยพี่ด้วย” ทั้งผลักอกใหญ่ออกให้พ้นตัว ทั้งรัวกำปั้นทุบลงไปที่ไหล่เขาหนักๆ

             “ร้องหามันทำไม ไม่ยักรู้นะว่าคุณชอบเปิดเนิสเซอร์รี่ ลองนอนกับผมสักครั้งก่อนซี้ คุณจะได้รู้ว่าผมกับไอ้เด็กนั่นต่างกันราวฟ้าดินเลยล่ะ จะบอกให้นะว่าไม่เคยมีใครนอนกับผมแล้วผิดหวังซักคน” ยิ้มเยาะอย่างเกลียดชังเจ้าของกำปั้นที่ระดมทุบไม่ยั้ง

               “ออกไป ปล่อยฉันนะ ปล่อย...” เรียวปากบางหมดโอกาสที่จะเปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีกต่อไปแล้ว เมื่อถูกปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่ม มือที่เคยทุบอกเขาอย่างไม่ยั้ง ก็ถูกจับตรึงอยู่กับที่นอนทั้งสองข้าง ขาที่พอจะช่วยเตะช่วยกระทุ้งได้บ้าง ก็หมดโอกาสต่อสู้ เมื่อขาใหญ่ๆ เพียงข้างเดียวของเขายกไปทับไว้

             “อย่าๆ คุณณินปล่อยฉันนะ ถ้าคุณทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้คุณไปจนวันตาย ฉันเกลียดคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ”

              ทันทีที่เรียวปากบางได้รับอิสระ เมื่อเขาเลื่อนไปสูดดมตามซอกคอและเนินอก จึงร่ำร้องขออิสระภาพคืนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าในตอนแรก แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจฟังสักนิด กำปั้นซ้ายทุบซ้ำๆ ไปที่ไหล่ เมื่อเขาปล่อยมือมาลูบไล้อกอวบอิ่ม แต่หาได้ทำให้เขารู้สึกอะไรไม่ สายเสื้อคลุมที่ไว้ที่เอวถูกดึงออกอย่างง่ายดาย

                “ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฉันเกลียดคุณได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดคุณ” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาที่ไหลรินอาบใบหูลงไป ไม่ได้ทำให้มือที่กำลังดึงเสื้อคลุมออกจากร่างบางหยุดแต่อย่างใด

                 “อย่าคิดว่าน้ำตาคุณ จะทำให้ผมใจอ่อนได้เหมือนทุกครั้งประณาลี ไม่มีวัน ผมไม่ปล่อยผู้หญิงอย่างคุณให้ลอยนวลแน่”  เป็นคำยืนยันสุดท้าย ก่อนที่จะก้มลงจูบเรียวปากนุ่มอย่างดุดัน มือก็ลูบไล้ไปแทบจะทุกสัดส่วนของร่างกาย ประณาลีรู้โดยสัญชาติญาณของตัวเองแล้วว่า ไม่มีหนทางไหนที่จะหยุดเขาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาแห่งความเจ็บปวดมันไหลรินออกมาอย่างยากที่จะห้ามใจ แต่อีกคนไม่คิดจะสนแม้แต่น้อย

                “คุณร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้ ทุกครั้งที่นอนกับไอ้สองคนนั่นเลยเหรอประณาลี หรือว่าทำแบบนี้แล้วมันช่วยเพิ่มรสชาติ หรือว่าทำให้ค่าตัวสูงขึ้น อย่างพี่เรศนี่ผมพอจะเดาได้อยู่หรอกนะว่าเขาทุ่มให้คุณได้ไม่อั้น แต่กับไอ้เด็กหนุ่มนั่น ผมว่าท่าทางมันไม่น่าจะมีเงินมากพอ อย่างน้อยๆ ก็สู้ผมไม่ได้หรอก แล้วคุณหลงมันตรงไหน มันดีกว่าผมตรงไหน คุณถึงไม่เคยยอมผมสักที”

                ยังคงถากถางเจ้าของร่างเปล่าเปลือยอย่างที่สุด แม้ใจจะชิงชังหญิงสาวแค่ไหน แต่เรือนร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เขาแทบจะลืมสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสรรค์สร้างสิ่งที่สวยงามขนาดนี้มาให้เธอได้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เขยกับไอ้หน้าอ่อนนั่น ถึงได้หลงใหลเธอจนแทบจะฆ่ากันตาย คนที่ปล่อยให้น้ำตาร่วงรินต้องหลับตาลงด้วยความรู้สึกกระดายอายเป็นที่สุด ที่เขากำลังชื่นชมเรือนร่างที่ไร้สิ่งปกปิดอยู่ ไม่นานร่างใหญ่เปล่าเปลือยก็ทาบทับไปหาร่างบาง
 

เทพบุตรอสูร ........ ธัญรัตน์

             “ทำไม จะคุยกับฉันในนี้ไม่ได้เลยเหรอ หรือว่ารังเกียจฉันมากจนทนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ ฉันแค่จะคุยธุระด้วยเท่านั้น อย่าคิดว่าฉันจะพิศวาสเธอหน่อยเลย”

          “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ แล้วคุณเก้ามีอะไรสำคัญหรือเปล่าคะ”

           “ฉันแค่อยากบอกเธอว่า ทีหลังจะไปไหนมาไหนกับไอ้ชิตก็ควรจะมีคนอื่นไปด้วย ฉันไม่อยากให้ใครมาว่าฉันเป็นควาย ปล่อยให้เพื่อนสวมเขาอยู่ได้ เพราะอย่างน้อยๆ ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นผัวเธอ ให้เธอใช้นามสกุลอยู่ จะทำอะไรก็ไว้หน้ากันบ้าง”

           “ขอบคุณนะคะที่คุณยังคิดถึงข้อนี้อยู่ แล้วคุณไม่รู้เหรอคะ คนที่เรียกตัวเองว่าผัวควรจะปฏิบัติตัวยังไงกับเมียบ้าง” “เธอหมายความว่ายังไง” “คุณเองก็รู้ดีอยู่แล้วนะคะ ว่าคุณทำอะไรไว้บ้าง”

           “อะไร ฉันทำอะไร อ้อ! ลืมไปว่าไอ้ฉันมันก็ไม่ได้ทำหน้าที่ผัวที่ดีกับเธอมาตั้งแต่แต่งงานแล้ว อยากให้ทำก็ไม่บอก นี่ที่ไปไหนมาไหนกับไอ้ชิตเพราะอยากได้เรื่องพวกนี้หรอกเหรอ” “ปล่อยนะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ปล่อย”

          “แล้วเธอหมายถึงอะไรล่ะ ฉันก็โง่อยู่ได้ ความจริงคุณพ่อส่งเธอให้มาเป็นเมียฉัน ก็ปล่อยให้เธออดอยากเสียตั้งนาน ถึงเวลาแล้วที่ฉันควรจะทำหน้าที่ผัวอย่างสมบูรณ์แบบกับเธอซักที จะได้ไม่เที่ยวไปเร่ขอกับเพื่อนฉัน มานี่”

          “ปล่อยฉันนะคุณเก้า บอกให้ปล่อย ช่วยด้วยๆ ปล่อยฉันนะ”

          จุมพิตดุดันถูกส่งให้หญิงสาวอย่างไม่ปราณี ประหนึ่งจะบอกให้เธอได้รับรู้ว่าจูบที่รุนแรงก็เปรียบเสมือนความเกลียดชังในตัวเธอที่เขามีให้ รู้ว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นจะต้องดิ้นรนเพื่อหาอิสระให้รอดพ้นจากการตกเป็นของเขาในเวลานี้ เพราะเพิ่งจะคิดขึ้นได้ว่าการมาอยู่นี่ ก็เพื่อทำหน้าที่นี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้น้ำตาของความเจ็บปวดมันไหลรินออกมา เมื่อมือหนาของเขากำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย อาจจะเป็นเพราะสัมผัสที่เขามอบให้ หาได้มาจากความรักไม่ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่มีความรู้สึกนี้ให้ใครได้อีกแล้ว นอกจาก ‘เธอคนนั้น’

          ขึ้นชื่อว่า ‘รัก’ หากแม้บังเกิดขึ้นกับใครแล้ว ย่อมมีทั้ง ‘สุข หรือ ทุกข์’ ตามติดมาด้วยแทบทั้งสิ้น ผิดแต่เพียงว่า หนทางแห่งรักของใครจะจบลงแบบไหนเท่านั้น บ้างก็พบกับความสุข หากต้นรักที่ร่วมกันปลูกเจริญเติบโต งอกงามจนสามารถผลิดอกออกผล กระทั่ง

          นำพาให้ชีวิตคู่ดำเนินไป อย่างไร้ซึ่งอุปสรรค หรือหากแม้นมี ความรัก ก็ย่อมนำพาสองชีวิตดำเนินไปจนถึงจุดหมายปลายทางแห่งฝันได้ บ้างก็พบกับความทุกข์แสนสาหัส หากต้นรักที่ร่วมกันปลูกต้องมีอันดับสิ้นลง จะด้วยเพราะขาดการรดน้ำ พรวนดิน หรือขาดการเอาใจใส่ ไม่เหลียวแล ไม่สนใจ ไม่ใยดี ก็ล้วนแล้วจะนำมาซึ่งความทุกข์ทั้งสิ้น

          สำหรับคนบางคน การที่ต้องพบกับความรักที่ไม่สมหวัง อาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ราตรีกาล เพื่อเยี่ยวยารักษาแผลใจให้หายเป็นปกติ และพร้อมรับคนใหม่เข้ามาได้แล้ว แต่สำหรับบางคน ไม่ว่าวันเวลาจะเนิ่นนานสักเพียงไหน ก็ไม่อาจเยียวยาหัวใจที่พินพังจากรักได้เลยด้วยซ้ำ

          เฉกเช่น ‘อนวัช หรือ เก้า’ ผู้ที่พบกับจุดจบแห่งรักด้วยความปวดร้าว จนเขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะเสี่ยงรักใครได้อีกแล้ว เพราะได้ตระหนักว่า ผู้หญิงดีๆ ไม่มีหลงเหลือสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้เขาถึงกับปิดประตูหัวใจตัวเองไว้ให้ห่างจากรัก

          แต่ไม่ว่าเขาจะหลบหนีจากรักสักแค่ไหน หัวใจของเขาฤาไร้ซึ่งรักได้ เพราะ ‘กันตา หรือ หวาย’ คือคนที่เดินเข้ามาเปิดประตูหัวใจของเขาออก ให้รับกับรักครั้งใหม่ ที่อาจจะเริ่มต้นด้วยความข่มขื่น แต่ก็ดำเนินชีวิตรักไปได้ด้วยความสุข สดชื่น หอมหวาน หากท้ายที่สุด ความรักของเขาและเธอกลับแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม

          มาร่วมเป็นกำลังให้ทั้งสอง พบกับชีวิตรักที่สุข สมหวัง ได้ใน เทพบุตรอสูร ซึ่งผู้เขียนได้ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อมอบให้กับคุณๆ ผู้อ่านที่คอยติดตามผลงานมาโดยตลอด ความรักของทั้งสองจะจบลงด้วยสุข หรือ ทุกข์ คำตอบอยู่ในนี้แล้ว

          ขอขอบคุณทุกๆ ความร่วมมือจากหลายต่อหลายคน ที่ไม่สามารถจะเอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัว ตลอดจนเพื่อนพ้อง เพื่อนนักเขียน และที่สำคัญยิ่งขอขอบคุณ คุณๆ ผู้ท่านที่เป็นแรงใจให้ด้วยดีเสมอมา 

          แวะมาพูดคุยและทักทายต้นข้าวที่เฟซบุ๊คส่วนตัวได้นะคะ ที่นี่ค่ะ   http://www.facebook.com/pages/กันเกรา-ธัญญรัตน์-วรนัน-นักเขียน/481946688543438?ref=hl

ธัญญรัตน์

รอยอาญา ......... ธัญรัตน์

             “ฉันกำลังท้องค่ะ”

             “เธอท้อง! แล้วมาบอกฉันทำไม ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”

             “ที่ฉันมาบอกคุณ ก็เพราะว่า เด็กในท้องของฉัน คือลูกของคุณ” 

            “เธอว่าอะไรนะ ลูกเธอจะมาเป็นลูกฉันได้ยังไง เธอเอาอะไรมาพูด”

            “คุณหมายความว่ายังไง คุณรู้อยู่แก่ใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างฉันกับคุณ”

            “เรื่องระหว่างฉันกับเธอเหรอ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นล่ะระพีพรรณ เท่าที่ฉันรู้ก็คือ เราไม่เคยมีอะไรกันเลย แล้วเธอจะมาบอกว่าท้องกับฉันได้ยังไง เธอมีหลักฐาน หรือพยานหรือเปล่า จู่ๆ จะมากล่าวหาฉันแบบนี้ มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”

            “คุณกำลังจะบอกฉันว่าคุณไม่เคยมีอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอคุณดำ”

            “มันไม่เกี่ยวกับคำตอบของฉัน ว่าจะใช่หรือไม่ใช่หรอกนะ มันสำคัญอยู่ที่ว่าเธอมีหลักฐานอะไรที่จู่ๆ จะมาบอกว่าฉันเป็นพ่อของลูกเธอต่างหาก” 

            “คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าคุณอัดวีดีโอเอาไว้ แล้วคุณยังจะมาถามจากฉันเหรอ”

            “วีดีโอ เหรอ ฮ่าๆ เธอนี่ช่างไม่สมกับเป็นนักเรียนนอกเลยนะ ขโมยที่ไหน มันจะทำหลักฐานเอาไว้มัดตัวเอง เธอไม่รู้เหรอ ว่าฉันยกเมฆเธอ มันไม่มีวีดีโออะไรทั้งนั้นล่ะ"

               รอยอาญา...เป็นนิยายเรื่องที่สามของธัญญรัตน์ค่ะ ตั้งแต่ค้นพบแล้วว่าชอบงานเขียน เมื่อเริ่มลงมือเขียนก็มีอุปสรรคตามติดมาเช่น การกำหนดตัวละคร ตลอดจนเสื้อผ้า หน้าผม ว่าจะให้ออกมาแบบไหน ปวดหัวเหมือนกันค่ะ

          อุปสรรคอีกอย่างของการเขียนก็คือ ที่เกิดการขัดแย้งในใจว่า พ่อของระพีพรรณช่างร้ายเหลือ จะให้นายดำกลับมาแก้แค้นคืนยังไงจึงจะสาสม และจะต้องดำเนินออกมาในรูปไหน ที่จะไม่ให้โครงเรื่องไปซ้ำเรื่องอื่น

              และในเมื่อนายดำทำเรื่องไว้ซะมากมายกับเพลงขนาดนี้ จะลงเอยกันได้ยังไง จะทำยังไงให้ท่านผู้อ่านเชื่อโดยไม่รู้สึกขัดแย้ง เดือดร้อนต้องไปตามถามเพื่อน ๆ และคนใกล้ตัวหลายต่อหลายท่าน ถึงไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่ก็มองเห็นตอนจบของเรื่องนี้แล้ว

            เกือบครึ่งปีสำหรับการสรรสร้างผลงานชิ้นนี้ ให้ออกมาสู่สายตาท่านผู้อ่าน ขอขอบคุณทุก ๆ ความร่วมมือจากหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัว บรรณาธิการ ตลอดจนเพื่อนพ้อง เพื่อนนักเขียน และที่สำคัญยิ่งขอขอบคุณ คุณ ๆ ผู้ท่านที่เป็นแรงใจให้ด้วยดีเสมอมา

            แวะมาพูดคุยและทักทายต้นข้าวที่เฟซบุ๊คส่วนตัวได้นะคะ ที่นี่ค่ะ   http://www.facebook.com/pages/กันเกรา-ธัญญรัตน์-วรนัน-นักเขียน/481946688543438?ref=hl

 

เก็บดวงใจไว้ให้เธอ ........... ธัญรัตน์

 

           เอ่อ! มันเป็นของฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะมีอะไรกับคุณพ่อนี่” เธอเถียงเขา

           “งั้นเหรอ! เธอนี่มันหน้าด้านที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย ฉันจะต้องหากล้องที่เธอกับพ่อฉันมีอะไรกันมาเปิดให้เธอดูเลยหรือยังไงเธอถึงจะยอมรับ ว่าเธอมันเลวทรามแค่ไหน ไร้ซึ่งยางอาย กินบนเรือน อึรดบนหลังคา นี่ถ้าแม่ฉันมาเห็น ท่านคงจะช๊อกตายไปเลยมั้ง เธอถึงจะสะใจ”

          “คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันไม่เคยทำอย่างที่คุณคิด” “ฉันต้องเชื่อคนไร้ยางอายอย่างเธอด้วยเหรอเทียมหทัย ฉันชักอยากจะรู้ซะแล้วสิว่า ลีลาบนเตียงของเธอ มันเด็ดขนาดไหน ไม่ว่าพ่อฉัน หรือไอ้ธรรทรนั่นมันถึงได้หลงเธอหัวปรักหัวปรำยอมทุ่มเงินซื้อเพลงที่เธอร้องตั้งเพลงละล้าน แล้วยังไม่รวมกับเพื่อนรักฉันด้วย นี่ถ้ามันรู้ว่าผู้หญิงที่มันรักนัก รักหนามีอดีตที่โสมมมันจะทำยังไง หรือว่ามันรู้แล้ว และก็ติดใจจนปล่อยเธอไปไม่ได้ งั้นฉันขอมีส่วนร่วมด้วยคนนะ เธอจะได้เอาไว้เลือกเยอะขึ้นไง”

            ขึ้นชื่อว่า “รักแรก” คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า มันสร้างความสุข สดชื่น หอมหวาน และอบอุ่นหัวใจให้กับคนที่มี “รัก” มากแค่ไหน และความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หาก “รักแรก” นั้นลงท้ายด้วยความสมหวัง แต่สำหรับ “รักแรก” ของ “เทียมหทัย” หรือ “ขิม” แล้ว เธอต้องพบกับความเจ็บปวด รวดร้าว และต้องทนทุกข์ ทรมาณแทบหัวใจสลาย กับการที่ได้พบกับ “รักแรก” แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว กับการที่จะเริ่มเปิดใจรักใครสักคน ด้วยเพราะรู้ดีว่า หัวใจของตัวเองคงไม่อาจจะทนรับกับความเจ็บปวดได้อีกแล้ว แต่แล้วเธอก็ต้องตกหลุมรักและมอบหัวใจให้กับเขา โดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่ารักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเธอก็ไม่อาจจะรู้ได้ ว่าเขานั้นมีความรู้สึกกับเธอเช่นไร เพราะเขาเฝ้าแต่จะคอยมอบความเกลียดชังให้เธออยู่เป็นนิจ

            “เก็บดวงใจไว้ให้เธอ" คือนวนิยายที่ผู้เขียน อยากจะถ่ายทอดความเจ็บปวด รวดร้าว จากการผิดหวังในรัก ที่มนุษย์เราๆ ท่านๆ ต้องเผชิญมาด้วยกันแล้วทั้งนั้น และหลายๆ คน ต่างประจักษุ์ดีกว่า กว่าที่เราจะพบใครสักคน และได้มอบหัวใจให้นั้น มันช่างยากเย็นแสนเข็นแค่ไหน และที่ยากยิ่งกว่า คือการที่จะลบใครสักคนให้ออกไปจากความทรงจำส่วนลึกในหัวใจ บางท่านอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หรือกี่เดือน หรือกี่ปี แต่สำหรับบางท่าน อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบปี หรืออาจจะตลอดชีวิตก็เป็นได้

            แวะมาพูดคุยและทักทายต้นข้าวที่เฟซบุ๊คส่วนตัวได้นะคะ ที่นี่ค่ะ

 https://www.facebook.com/pages/กันเกรา-ธัญญรัตน์-วรนัน-นักเขียน/481946688543438?ref=hl           

ขอบคุณจากใจ

วันวิวาห์ ........ ธัญรัตน์

              ‘วันวิวาห์’ เป็นนิยายลำดับที่สามของธัญญรัตน์นับตั้งแต่เบนเข็มชีวิตมาสู่ถนนนักอยากเขียน และต้องขอยอมรับว่า เป็นนิยายที่ทำให้ธัญญรัตน์ปวดหัวมากมาย เริ่มตั้งแต่การหาข้อมูลทางการแพทย์ เพราะนางเอกในเรื่องคือวันวิวาห์เป็นหมอ ก็ควรจะต้องมีฉากรักษาคนไข้บ้างอย่างน้อยต้องหนึ่ง จึงต้องกลับไปเริ่มต้นค้นคว้าว่าจะให้หมอวาห์เป็นแพทย์ทางด้านไหน จนไล่ย้อนกลับไปนับอายุหมอวาห์กับหมอรวิทย์เลยว่าจะต้องเริ่มเรียนตั้งแต่ปีไหน จบปีไหน เรียนที่ประเทศอะไร กลับมาแล้วจะเป็นแพทย์ได้เลยหรือต้องไปสอบอะไรก่อนบ้าง ต้องมีรายได้เดือนละเท่าไหร่ ถึงจะมีเงินมาใช้หนี้ต้องใช้เวลากี่ปี

              อย่างตอนที่หมอวาห์ย้ายไปโรงพยาบาลในจังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือ ก็ต้องค้นว่าควรจะอยู่โรงพยาบาลในอำเภอขนาดไหน มีแพทย์ได้กี่คนต่อประชากรทั้งหมด เพราะฉากที่หมอวาห์ผ่าตัดคนไข้นั้นจะทำไม่ได้ถ้าโรงพยาบาลมีขนาดเล็กไป เพราะไม่มีวิสัญชนีแพทย์จะต้องส่งเข้าโรงพยาบาลใหญ่เท่านั้น และฉากที่ต้องรักษาคนไข้ถูกงูกัด ต้องค้นว่าเขตพื้นที่แถวนั้นน่าจะมีงูชนิดบ้าง โรงพยาบาลเล็กจะมีเซลุ่มไว้รองรับหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกงูเห่าแทนงูจงอาง เพื่อให้หมอวาห์ไปรักษาชีวิตคนไข้ไว้ได้ทันตามเนื้อเรื่อง

               อีกอย่างที่ยุ่งยากก็คือ ตอนแรกกำหนดให้พระเอกทำสัมปทานค้าไม้ จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าในเขามากกว่าเมือง ก็เกิดคิดขึ้นได้ว่าอาชีพนี้ในประเทศไทยยังมีอยู่อีกหรือ เดือดร้อนต้องไปค้นหาคำตอบ และก็ไม่มีแล้วจริง ๆ ด้วย จึงต้องปรับเปลี่ยน ที่ต้องปรับอีกก็คือ ครอบครัวของคุณแพรว ซึ่งตั้งใจจะให้เป็นเจ้าทางเหนือ ก็คิดขึ้นได้อีกว่า เอ...ตอนนี้ยังมียศฐาบรรดาศักดิ์เหล่านี้หลงเหลืออยู่อีกไหม แน่นอนว่าคำตอบจะต้องเป็นจริงอย่างที่คิดไว้ เลยต้องปรับเปลี่ยนใหม่อีก

             แถมมีบรรณาธิการส่วนตัวแย้งว่า อันที่จริงบทคุณแพรวควรจะเพิ่มความดุเด็ดเผ็ดมันให้มากขึ้นเรื่องจะได้น่าสนใจ คนอ่านจะได้สงสารหมอวาห์เพิ่มขึ้นอีกหน่อย ก็ต้องเดือดร้อนคนเขียนเอากลับมาอ่านใหม่หมด และเมื่อเห็นจริงอย่างที่มีคนท้วงติงมาก็แน่นอนว่าจะต้องเหนื่อยแก้อีกตามเคย ดังนั้นคุณแพรวในเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่นี้ จึงสวยใสแต่ไม่ไร้สมองและไม่ไร้เขี้ยวเล็บอย่างเวอร์ชั่นแรก

              และความจริงอีกข้อหนึ่งที่อยากจะบอก (แม้จะไม่มีใครอยากรู้) ก็คือว่าแรกเริ่มเดิมทีของการคิดพล็อตนิยายเรื่องนี้นั้น ธัญญรัตน์วางคาแลคเตอร์พระเอกไว้ให้โหดร้ายกับนางเอกมาก ๆ เพราะเกลียดชัง แค้นเคืองพ่อของนางเอก จนต้องตามมาแก้แค้นให้ถึงแก่ชีวิต แถมยังลามมาถึงลูก ด้วยการไล่ต้อนนางเอกให้จนมุมแล้วจนมุมอีก กระทั่งไม่มีทางหนีทีไล่อื่น แถมทั้งคู่จะต้องปะฝีปากปะคารมกันอย่างไม่ลดลาวาศอก ตบจูบกันให้สนั่นหน้ากระดาษ

               ส่วนนางเอกก็ต้องเป็นคนบ่อน้ำตาตื้น ร้องไห้เก่งใครอ่านแล้วจะต้องสงสารและร้องไห้ตามเสียน้ำตาเป็นปี๊บ ๆ แต่พอเริ่มลงมือเขียนไปได้เกือบครึ่ง ก็คิดขึ้นได้ว่า เอ...ถ้าเราเรียนจนแพทย์มาจากเมืองนอก และมีงานทำดี ๆ มีเงินเดือนเยอะ ๆ มีคนนับถือในสายอาชีพขนาดนี้ แล้วจะเป็นไปได้หรือที่จะยอมให้พระเอกมากดขี่ข่มเหงให้เสียอกเสียใจและเสียน้ำตาได้ คำตอบที่ไม่ต้องคิดนานก็คือ ‘ไม่มีทาง’ เดือดร้อนอีกแล้วค่ะท่านผู้อ่าน ที่จะต้องกลับมาแก้ใหม่ให้เป็นไปตามคนเขียนที่มีอารมณ์รวนเรและแปรปรวน จนได้คาแลคเตอร์ใหม่ของคุณหมอวาห์ดังปรากฏในหนังสือเล่มนี้

              สุดท้ายสำหรับเรื่องความปวดเศียรเวียนเกล้ากับนิยายเรื่องนี้ นั่นคือความสัมพันกันและกันของตัวละคร ระหว่างครอบครัวของพระนาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแค้นเคืองตั้งแต่อดีต โยงใยมาสู่ปัจจุบันจนนำพาทั้งคู่ได้มาพบกัน ก็ต้องคิดทบทวนผูกนั่นแก้นี่อยู่หลายยก หนัก ๆ เข้าก็ต้องทำเป็นชาร์ตโยงหน้าโยงหลังโยงบนโยงล่างยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากที่อ่านทวนแล้วทวนอีก แก้แล้วแก้อีก นับรวม ๆ กันแล้วก็ไม่มากมายอะไรแค่สิบกว่ารอบเท่านั้นเอง สุดท้ายก็พบกับจุดจบที่ธัญญรัตน์ชอบในที่สุดค่ะ

              เฮ้อ! (ถอนหายใจสับตลบ) จบสักที และได้เป็นเล่มสักที ขอบคุณ สนพ. ธราธร ที่มองเห็นและเข้าใจในตัวธัญญรัตน์ว่าตั้งใจกับนิยายเรื่องนี้มาก จึงได้กรุณาจัดทำเป็นรูปเล่มขึ้นมา ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูล ด้านตรวจทาน ด้านคอมเม้นท์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ช่วยให้ธัญญรัตน์มีกำลังใจปั่นจนเสร็จสมบูรณ์ออกมาสู่สายตาท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ

ธัญญรัตน์

 
Advertising Zone    Close
 
 
 
 
 
 
Online:  1
Visits:  139,058
Today:  66
PageView/Month:  939

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com